การประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามในการพัฒนารูปแบบธุรกิจขององค์การยุคใหม่

กรณีศึกษาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทย

 Applying Blue Ocean Strategy for Business Model Development in Modern Organizations: A Case Study of Thai SMEs

การประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามในการพัฒนารูปแบบธุรกิจขององค์การยุคใหม่:

กรณีศึกษาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทย

Applying Blue Ocean Strategy for Business Model Development in Modern Organizations: A Case Study of Thai SMEs

เจนจิรา จันทา

JENJERA JANTA

อาจารย์ที่ปรึกษา ดร.จิตรกร ลากุล

คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก

Graduate students of Master of Arts Faculty of Liberal Arts, Krirk University

บทคัดย่อ  

                    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษารูปแบบการประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามในการพัฒนารูปแบบธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทย และ (2) วิเคราะห์ปัจจัยที่เอื้อต่อหรือเป็นอุปสรรคในการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าว  โดยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพโดยเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ประกอบการ SMEs ที่นำกลยุทธ์น่านน้ำสีครามไปใช้

                   ผลการวิจัยพบว่า การประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามในวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลางของประเทศไทยไทยมีลักษณะที่หลากหลายและยืดหยุ่นวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลางในประเทศไทยประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามผ่านการสร้างนวัตกรรมคุณค่า   การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่แตกต่างและตอบสนองความต้องการที่ยังไม่ถูกตอบสนองในตลาด การสร้างตลาดใหม่และหลีกเลี่ยงการแข่งขันในตลาดเดิม การใช้เครื่องมือวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์อย่างเป็นระบบได้แก่ การวิเคราะห์ปัจจัย, การออกแบบผืนผ้าใบธุรกิจและกรอบการปฏิบัติ 4 ขั้นตอนคือ ลด เพิ่ม ตัดออก และสร้างใหม่ รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจและการปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจให้มีความยืดหยุ่น ปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จของการดำเนินกลยุทธ์น่านน้ำสีคราม ได้แก่ ความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ความสามารถในการปรับตัว การสนับสนุนจากผู้บริหารและบุคลากร การใช้เครื่องมือวางแผนกลยุทธ์ และการสร้างนวัตกรรมคุณค่าที่ตอบโจทย์ลูกค้า ในขณะที่อุปสรรคสำคัญ ได้แก่ ข้อจำกัดด้านทรัพยากร ความรู้ความเข้าใจในกลยุทธ์ที่ยังไม่ลึกซึ้ง ความเสี่ยงจากการทดลองตลาดใหม่ การต่อต้านการเปลี่ยนแปลงภายในองค์การ และการขาดเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ ข้อเสนอแนะจากการวิจัยนี้คือ SMEs    ควรเสริมสร้างความรู้และทักษะด้านกลยุทธ์น่านน้ำสีครามให้กับผู้บริหารและบุคลากร ส่งเสริมความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ วางแผนและประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบ รวมถึงสร้างวัฒนธรรมองค์การที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรม เพื่อให้สามารถนำกลยุทธ์น่านน้ำ สีครามไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในบริบทของธุรกิจยุคใหม่

คำสำคัญ : กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม, วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, องค์การยุคใหม่

Abstract

                    This research aims to (1) examine the patterns of Blue Ocean Strategy application in business model development among Thai SMEs and (2) analyze the factors that facilitate or hinder the implementation of Blue Ocean Strategy. A qualitative research methodology was employed, utilizing in-depth interviews with SME entrepreneurs who have implemented Blue Ocean Strategy.

               The findings reveal that Thai SMEs apply Blue Ocean Strategy by creating value innovation, developing differentiated products or services that address unmet market needs, establishing new markets, and avoiding competition in existing markets. Strategic tools such as SWOT Analysis, Strategy Canvas, and the Four Actions Framework (ERRC) are systematically used, along with fostering business partnerships and adapting flexible business models. Key success factors for Blue Ocean Strategy implementation include deep customer insight, adaptability, management and staff support, the use of strategic planning tools, and the creation of value innovations that meet customer needs. Major obstacles comprise resource limitations, insufficient understanding of the strategy, risks associated with entering new markets, internal resistance to change, and a lack of business networks. The study suggests that SMEs should enhance their knowledge and skills regarding Blue Ocean Strategy among executives and staff, promote collaboration with business partners, conduct careful risk planning and assessment, and cultivate an organizational culture that embraces change and innovation. These actions will enable SMEs to effectively and sustainably apply Blue Ocean Strategy within the context of modern business.

Keywords: Blue Ocean Strategy/Small and Medium Enterprises / Moderm Prganization

บทนำ

               ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดที่มีผู้เล่นจำนวนมาก ส่งผลให้หลายองค์การประสบปัญหาด้านยอดขาย การรักษาลูกค้า และการเติบโตอย่างยั่งยืน SMEs ถือเป็นกลไกหลักของระบบเศรษฐกิจไทย โดยมีจำนวนมากกว่า 99% ของธุรกิจทั้งหมดและสร้างการจ้างงานกว่า 80% ของแรงงาน อย่างไรก็ตาม SMEs จำนวนไม่น้อยยังขาดความสามารถในการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ โดยเฉพาะต่อการแข่งขันในยุคดิจิทัล กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม (Blue Ocean Strategy) ที่เสนอโดย Kim และ Mauborgne (2005) เป็นแนวคิดที่เน้นการสร้างพื้นที่ตลาดใหม่ที่ไร้การแข่งขัน ผ่านการสร้างนวัตกรรมคุณค่า (Value Innovation) ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าและองค์การไปพร้อมกัน แนวคิดนี้แตกต่างจากการแข่งขันในตลาดเดิม (Red Ocean) ที่มีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง การนำกลยุทธ์นี้มาประยุกต์ใช้ใน SMEs ไทยจึงมีความสำคัญในการสร้างความแตกต่างและความได้เปรียบทางการแข่งขัน

               แม้จะมีงานวิจัยเกี่ยวกับ Blue Ocean Strategy ในบริบทสากล แต่การศึกษาเชิงลึกในบริบทของ SMEs ไทยยังมีจำกัด โดยเฉพาะการทำความเข้าใจปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จหรือเป็นอุปสรรค รวมถึงแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมกับบริบทไทย การวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว โดยศึกษากรณีศึกษาของ SMEs ไทยที่ประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามจริง และนำเสนอแนวทางที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม    

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

  1. เพื่อศึกษารูปแบบการประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามในการพัฒนารูปแบบธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทย

      2. เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่เอื้อต่อหรือเป็นอุปสรรคในการดำเนินกลยุทธ์น่านน้ำสีคราม

      3. เพื่อเสนอแนวทางการนำกลยุทธ์น่านน้ำสีครามไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในองค์การยุคใหม่

วิธีดำเนินการวิจัย

            การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยใช้กรณีศึกษา (Case Study) เก็บรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ประกอบการและผู้บริหาร SMEs ที่ประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม จำนวน 15 ราย จาก 8 ประเภทธุรกิจ ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม แฟชั่น เทคโนโลยี บริการสุขภาพ ท่องเที่ยวเพื่อชุมชน และผลิตภัณฑ์รักษ์โลก การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยพิจารณาจากเกณฑ์ คือ มีการดำเนินธุรกิจมาไม่น้อยกว่า 3 ปี มีการประยุกต์ใช้กลยุทธ์ Blue Ocean และยินยอมเข้าร่วมการสัมภาษณ์

            1. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสัมภาษณ์เชิงลึกแบบกึ่งมีโครงสร้าง ประกอบด้วย 4 ส่วน คือ ข้อมูลทั่วไป รูปแบบการประยุกต์ใช้กลยุทธ์ ปัจจัยเอื้อและอุปสรรค และแนวทางสู่ความสำเร็จ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) และการวิเคราะห์แก่นสาระสำคัญ (Thematic Analysis) ตรวจสอบความน่าเชื่อถือด้วยวิธีการตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า (Triangulation)

   2. การเก็บรวบรวมข้อมูล

                    ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ผู้ศึกษาใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลดังนี้

                         1)   ศึกษาจากแหล่งข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) โดยศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย

                         2)  ศึกษาจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) โดยใช้แบบสัมภาษณ์เชิงลึกแบบกึ่งมีโครงสร้าง ซึ่งผู้วิจัยกำหนดหัวข้อและประเด็นต่างๆในการสัมภาษณ์ให้ครอบคลุมวัตถุประสงค์งานวิจัย ร่วมกับการจดบันทึก ถ่ายภาพ บันทึกเสียง และจะหยุดสัมภาษณ์เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนหรืออิ่มตัว   โดยมีขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูลดังนี้

                         ขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย

                         1.  การศึกษาข้อมูลเบื้องต้น โดยทำการทบทวนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าใจบริบทและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์น่านน้ำสีครามและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

                         2.  การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง เพื่อคัดเลือกวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

ที่ตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด และติดต่อเพื่อขอความยินยอมในการเข้าร่วมการวิจัย

                         3. การสัมภาษณ์เชิงลึก ดำเนินการสัมภาษณ์ผู้บริหารหรือผู้ที่เกี่ยวข้องในองค์การ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม

                         4. การสังเกตการณ์ สังเกตพฤติกรรมและกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามในการดำเนินธุรกิจ

                         5.  การบันทึกข้อมูล บันทึกข้อมูลที่เก็บได้จากการสัมภาษณ์และการสังเกตการณ์อย่างละเอียด

   3. การวิเคราะห์ข้อมูล

                    วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลแบบพื้นฐาน (Descriptive Analysis) และ การวิเคราะห์แก่นสาระสำคัญ (Thematic Analysis) ขั้นแรกผู้วิจัยทำการจัดข้อมูลออกตามประเภทข้อมูล (Type) จากนั้น ทำการจัดกลุ่มข้อมูลออกเป็นกลุ่ม (Category) และสร้างข้อสรุปเป็นประเด็นที่ละประเด็น จนครบทุกหัวข้อ ต่อจากนั้นแต่ละประเด็นมาสร้างข้อสรุปรวม รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า (Triangulation) เพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือ (Credibility, Validity) ของข้อมูลหรือสิ่งที่ค้นพบ โดยการใช้ระเบียบวิธีการวิจัยในการศึกษาปรากฏการณ์เดียวกันเช่น ระเบียบวิธีวิจัย (Research method triangulation), ทฤษฎี(Theoretical triangulation), และข้อมูล (Data triangulation)

ผลการวิจัย

            1. รูปแบบการประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามในการพัฒนารูปแบบธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทย การวิจัยนี้ศึกษารูปแบบการประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม (Blue Ocean Strategy) ในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของไทย โดยใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ประกอบการในหลากหลายอุตสาหกรรม ผลการวิจัยพบว่า วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามได้ 8 รูปแบบหลัก ซึ่งสามารถจำแนกเป็น 3 มิติสำคัญ ได้แก่ มิติการสร้างคุณค่าและนวัตกรรม มิติการวางแผนเชิงกลยุทธ์ และมิติการบริหารจัดการองค์การ

            มิติที่ 1  การสร้างคุณค่าและนวัตกรรม (Value Innovation)

                   1) การสร้างนวัตกรรมคุณค่าเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์น่านน้ำสีคราม โดยวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่สร้างคุณค่าใหม่ให้แก่ลูกค้าควบคู่ไปกับการลดต้นทุนขององค์การ วิสาหกิจใช้ข้อมูลเชิงลึกจากลูกค้า (Customer Insight) และการคาดการณ์แนวโน้มอนาคต (Foresight) เป็นฐานในการพัฒนาแนวคิดธุรกิจ ตัวอย่างเช่น คาเฟ่สุขภาพที่ออกแบบเมนูโดยใช้ข้อมูลสุขภาพรายบุคคล และซอฟต์แวร์การศึกษาที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ปรับเนื้อหาการเรียนรู้ตามบุคลิกภาพของผู้เรียน ผู้บริหารธุรกิจคาเฟ่กล่าวว่า “เรามองว่าการทำกาแฟต้องมากกว่ารสชาติ เลยเพิ่มบริการกาแฟกับกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจในร้าน จนกลายเป็นจุดขายของร้านเรา”  นวัตกรรมคุณค่าช่วยให้วิสาหกิจสร้างความแตกต่างที่ยั่งยืน ลดการพึ่งพาการแข่งขันด้านราคา และสร้างฐานลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตอย่างมั่นคงของธุรกิจ

                   2) การสร้างตลาดใหม่และการหลีกเลี่ยงการแข่งขันในตลาดเดิม การสร้างตลาดใหม่เป็นแนวทางหลักในการหลีกเลี่ยงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดเดิม (Red Ocean) วิสาหกิจมุ่งสร้างตลาดที่ยังไม่มีคู่แข่งหรือมีการแข่งขันน้อยมาก โดยการค้นหาความต้องการที่ซ่อนเร้นของลูกค้า พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลง หรือรวมบริการหลายอย่างเข้าด้วยกันเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจเครื่องเขียนที่เปลี่ยนจากการแข่งขันด้านราคากับผู้ประกอบการรายใหญ่ มาเป็นการสร้างแบรนด์ของขวัญสำหรับองค์กรเฉพาะกลุ่ม หรือธุรกิจอาหารที่พัฒนาบริการ Meal Prep Delivery สำหรับกลุ่มผู้ออกกำลังกายโดยเฉพาะ การเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายจากตลาดผู้บริโภคทั่วไป (B2C) ไปสู่ตลาดธุรกิจ (B2B) เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่สำคัญ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยวที่เปลี่ยนจากการให้บริการนักท่องเที่ยวทั่วไป มาเป็นการจัดแพ็กเกจท่องเที่ยววัฒนธรรมเฉพาะสำหรับองค์กรต่างประเทศ ส่งผลให้รายได้ต่อหน่วยสูงขึ้นและมีคู่แข่งน้อยลง

               มิติที่ 2  การวางแผนเชิงกลยุทธ์

                   1) การใช้เครื่องมือวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์อย่างเป็นระบบวิสาหกิจที่ประสบความสำเร็จใช้เครื่องมือวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์อย่างเป็นระบบ ได้แก่ การวิเคราะห์ SWOT เพื่อประเมินศักยภาพและโอกาสขององค์การ การใช้ Strategy Canvas เพื่อเปรียบเทียบสถานะของธุรกิจกับคู่แข่ง และการใช้ Four Actions Framework (ERRC) ซึ่งประกอบด้วย Eliminate (ตัดทิ้ง) Reduce (ลด) Raise (เพิ่ม) และ Create (สร้างใหม่) เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้วิสาหกิจสามารถกำหนดจุดที่จะลดต้นทุนและเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้าได้อย่างชัดเจน

                   2) การประยุกต์ใช้กรอบ ERRC ในทางปฏิบัติ การใช้กรอบ ERRC เป็นเครื่องมือสำคัญในการออกแบบกลยุทธ์ใหม่ โดยวิสาหกิจจะตัดทิ้งองค์ประกอบที่ไม่จำเป็น เช่น การไม่ใช้หน้าร้านและเปลี่ยนมาขายผ่านช่องทางออนไลน์ ลดต้นทุนในส่วนที่ไม่สร้างคุณค่า เช่น การลดค่าโฆษณาโดยใช้ influencer แทน เพิ่มองค์ประกอบที่สร้างความแตกต่าง เช่น การยกระดับบริการหลังการขาย และสร้างบริการใหม่ เช่น ระบบ subscription สำหรับลูกค้าประจำ ผู้บริหารธุรกิจแฟชั่นกล่าวว่า “เราเลิกเช่าหน้าร้านทั้งหมด แล้วเปลี่ยนเป็นขายผ่านอินฟลูเอนเซอร์กับแพลตฟอร์มออนไลน์ ต้นทุนลดลงมากและทำให้ทีมมีเวลาไปพัฒนาสินค้าใหม่เพิ่ม”

               มิติที่ 3  การบริหารจัดการองค์การ

                   1) การมุ่งเน้นลูกค้าและการสร้างประสบการณ์ วิสาหกิจให้ความสำคัญกับการเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งผ่านการสังเกตพฤติกรรม การตั้งคำถามเชิงลึก และการรับฟังความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง การสร้างประสบการณ์ที่ดีครอบคลุมทั้งการให้บริการที่รวดเร็ว มีความเป็นมิตร และการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานง่าย นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยี เช่น แพลตฟอร์มออนไลน์และระบบอัตโนมัติ มาใช้สร้างความแตกต่าง เช่น การเปิดคลาสสอนทำอาหารผ่าน Live สดพร้อมจัดส่งวัตถุดิบถึงบ้าน หรือบริการ Drive Thru ในช่วงวิกฤตโควิด-19

                   2) การสร้างความร่วมมือและเครือข่ายพันธมิตร ทางธุรกิจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้วิสาหกิจเข้าถึงทรัพยากรและความสามารถที่ไม่มี ความร่วมมือครอบคลุมตั้งแต่ผู้จัดหาวัตถุดิบ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ไปจนถึงชุมชนท้องถิ่น ความร่วมมือเหล่านี้ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ เร่งการพัฒนานวัตกรรม และเปิดโอกาสในการเข้าถึงตลาดใหม่ ตัวอย่างเช่น การร่วมมือกับสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีในการพัฒนาแอปพลิเคชัน ซึ่งลดเวลาการพัฒนาจากหนึ่งปีเหลือเพียงสองเดือน หรือการร่วมมือกับฟาร์มท้องถิ่นเพื่อควบคุมคุณภาพวัตถุดิบและลดต้นทุนพร้อมกันกับการสร้างรายได้ให้ชุมชน

                   3) การปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจและโครงสร้างองค์การ การประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจและโครงสร้างองค์การเพื่อรองรับการสร้างตลาดใหม่ วิสาหกิจจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต การบริหารจัดการต้นทุน และการจัดสรรทรัพยากร ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนจากการขายสินค้าเป็นการให้บริการเช่าพร้อมทีมงานดูแล การปรับลดหน่วยงานที่ไม่จำเป็นและเพิ่มฝ่ายออกแบบนวัตกรรมและการตลาดออนไลน์ หรือการเปลี่ยนจากการให้บริการในร้านมาเป็นการเน้นเดลิเวอรีและบริการ subscription รายเดือน การบริหารจัดการที่มีความยืดหยุ่นและเปิดรับการเปลี่ยนแปลงเป็นปัจจัยสำคัญ เช่น การจัดประชุมทีมข้ามสายงานเป็นประจำเพื่อแลกเปลี่ยนไอเดียและแก้ปัญหาแบบเรียลไทม์ ทำให้องค์การมีความคล่องตัวและพร้อมรับตลาดใหม่ตลอดเวลา

            2.  ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการดำเนินกลยุทธ์น่านน้ำสีครามและผลกระทบต่อรูปแบบธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย

            การประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของไทยมีปัจจัยหลากหลายที่ส่งผลต่อความสำเร็จและสร้างผลกระทบต่อรูปแบบธุรกิจ การวิจัยนี้ศึกษาปัจจัยเอื้ออำนวยและอุปสรรคในการดำเนินกลยุทธ์ รวมทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อการพัฒนาธุรกิจ โดยใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ประกอบการในหลากหลายอุตสาหกรรม ผลการวิจัยนำเสนอความเข้าใจที่ครอบคลุมเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมและบริบทที่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต้องเผชิญในการสร้างตลาดใหม่และนวัตกรรมคุณค่า ดังนี้

            ปัจจัยเอื้ออำนวยต่อการดำเนินกลยุทธ์น่านน้ำสีคราม ผลการวิจัยพบว่า

                 1. ความเข้าใจและการวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง การเข้าใจพฤติกรรม ความต้องการ และแรงจูงใจของลูกค้าเป้าหมายเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ช่วยให้วิสาหกิจสามารถสร้างตลาดใหม่ได้อย่างตรงจุด การศึกษาพฤติกรรมลูกค้าอย่างละเอียด โดยเฉพาะความต้องการที่ยังไม่ถูกตอบสนองหรือความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคมและเศรษฐกิจ ทำให้วิสาหกิจสามารถกำหนดกลยุทธ์นวัตกรรมคุณค่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้บริหารธุรกิจบริการสุขภาพกล่าวว่า “เราศึกษาลูกค้าจริงๆ ไม่ใช่แค่ดูยอดขาย แต่ไปพูดคุยกับลูกค้า ถามว่าเขาอยากได้อะไร และทำไมถึงไม่เลือกเรา คำตอบเหล่านี้นำมาพัฒนาสินค้าได้จริง” การใช้ข้อมูลเชิงลึก (Customer Insight) ช่วยให้วิสาหกิจออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงได้ดีกว่าคู่แข่ง และสร้างตลาดใหม่ที่ยังไม่มีคู่แข่งเข้ามาแย่งชิง

                 2. การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ การมีพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้มแข็ง โดยเฉพาะผู้ค้าส่งวัตถุดิบที่มีความหลากหลายและพร้อมนำเสนอข้อมูลใหม่ ช่วยให้วิสาหกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีนวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือเหล่านี้ยังช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพ และเปิดโอกาสให้ธุรกิจทดลองตลาดใหม่ได้อย่างมีความเสี่ยงต่ำลง ผู้จัดการฝ่ายผลิต SME อาหารแปรรูปกล่าวว่า “การมีพันธมิตรใหม่ๆ ที่พร้อมให้ข้อมูลและนวัตกรรมวัตถุดิบ ช่วยให้เราปรับปรุงผลิตภัณฑ์ได้อย่างต่อเนื่อง ลดต้นทุน และทดลองตลาดใหม่ได้ด้วยความเสี่ยงที่น้อยลง”

                 3. การสนับสนุนจากผู้บริหารและบุคลากรภายในองค์การ การที่ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์และสนับสนุนการนำกลยุทธ์น่านน้ำสีครามไปใช้ รวมถึงการมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและเปิดรับนวัตกรรม เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จ การเสริมศักยภาพบุคลากรผ่านการอบรมและพัฒนาทักษะใหม่ทำให้ทีมงานสามารถคิดสร้างสรรค์และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้รวดเร็ว ความกล้าเสี่ยงและภาวะผู้นำเป็นสิ่งจำเป็น ดังที่เจ้าของโรงงานเครื่องเขียนแปรรูปกล่าวว่า “ตอนเริ่มทำ Blue Ocean ไม่มีใครเข้าใจ พนักงานก็กลัวเปลี่ยนแปลง แต่เราต้องนำก่อน กล้าตัดสินใจ แม้ยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาแบบไหน”

                 4. การใช้เครื่องมือวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์อย่างเป็นระบบ การนำเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ เช่น SWOT Analysis, Strategy Canvas และ Four Actions Framework (ERRC) มาใช้ช่วยให้วิสาหกิจสามารถวางแผนและดำเนินกลยุทธ์ได้อย่างมีทิศทางชัดเจน เครื่องมือเหล่านี้ช่วยระบุจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคได้อย่างแม่นยำ และกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการสร้างคุณค่าใหม่และลดต้นทุนได้อย่างสมดุล

                 5. การสร้างนวัตกรรมคุณค่าและประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีความแตกต่างและตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ช่วยให้วิสาหกิจสร้างตลาดใหม่และลดการแข่งขันด้านราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นวัตกรรมคุณค่าไม่จำเป็นต้องเป็นเทคโนโลยีสูงเสมอไป แต่สามารถเป็นการปรับปรุงกระบวนการผลิต การออกแบบบริการ หรือการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า การสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้ายังช่วยให้วิสาหกิจได้รับข้อมูลย้อนกลับที่มีคุณค่าเพื่อนำมาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

                6. ความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ ความสามารถในการปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจให้สอดคล้องกับตลาดใหม่และนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จ การบริหารจัดการที่มีความยืดหยุ่น เปิดรับการเปลี่ยนแปลง และพร้อมทดลองแนวทางใหม่ ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาดใหม่

            อุปสรรคและข้อจำกัดในการดำเนินกลยุทธ์น่านน้ำสีคราม ผลการวิจัยพบว่า

                 1. ขาดความรู้ความเข้าใจในกลยุทธ์อย่างลึกซึ้ง อุปสรรคสำคัญคือการขาดความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักการและวิธีการนำกลยุทธ์น่านน้ำสีครามไปใช้จริง หลายองค์การเข้าใจผิดว่าการสร้างนวัตกรรมหรือตลาดใหม่เป็นเรื่องง่ายและต้องลงทุนสูง แต่การวิจัยพบว่านวัตกรรมคิดเป็นเพียงประมาณ 10% ของความสำเร็จเท่านั้น การขาดความรู้ในส่วนนี้อาจนำไปสู่การลงทุนที่ไม่เหมาะสมและความล้มเหลวทางธุรกิจ ผู้ประกอบการ SME ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกกล่าวว่า “บางทีเราก็แค่คิดว่า Blue Ocean คือการทำของใหม่ แต่ไม่เคยเข้าใจจริงๆ ว่าต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ลูกค้าและตลาดแบบลึกซึ้งก่อน พอทำจริงๆ ถึงรู้ว่ามันซับซ้อนกว่าที่คิด”

                2. ข้อจำกัดด้านทรัพยากรและงบประมาณ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมประสบข้อจำกัดด้านทรัพยากรทางการเงิน บุคลากร และเทคโนโลยี ซึ่งจำกัดความสามารถในการลงทุนพัฒนานวัตกรรมและทดลองตลาดใหม่ การขาดแคลนทรัพยากรเหล่านี้ทำให้การดำเนินกลยุทธ์ต้องเผชิญกับความเสี่ยงสูง และอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ผู้บริหารธุรกิจแฟชั่นกล่าวว่า “อยากพัฒนาระบบใหม่ให้ลูกค้าซื้อผ่านแอปได้ แต่แค่ค่าพัฒนาเบื้องต้นก็เกินกำลังเราแล้ว SMEs แบบเราทำอะไรใหม่ๆ ต้องคิดหนักเรื่องทุน”

                3. ความเสี่ยงจากการทดลองตลาดใหม่ที่ยังไม่แน่นอน การสร้างตลาดใหม่และนวัตกรรมใหม่มีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลหรือประสบการณ์มาก่อนว่าตลาดนั้นจะตอบรับอย่างไร วิสาหกิจที่ไม่มีการวางแผนและประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบอาจประสบปัญหาขาดทุนหรือสูญเสียโอกาสทางธุรกิจได้ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่รวดเร็วยังเพิ่มความซับซ้อนในการดำเนินกลยุทธ์

                 4. การต่อต้านการเปลี่ยนแปลงภายในองค์การ การนำกลยุทธ์น่านน้ำสีครามไปใช้ต้องการการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน เช่น การบริหารจัดการ กระบวนการผลิต และวัฒนธรรมองค์การ ซึ่งอาจเผชิญกับความต้านทานจากบุคลากรที่คุ้นเคยกับวิธีการเดิม ความไม่พร้อมหรือความกลัวการเปลี่ยนแปลงอาจทำให้การดำเนินกลยุทธ์ล่าช้าหรือไม่ประสบความสำเร็จ ผู้บริหารธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อชุมชนกล่าวว่า “ทีมงานที่อยู่มานานไม่อยากเปลี่ยนระบบ แม้ว่าเราจะเห็นว่าของใหม่มันดี พอมีแรงต้านเยอะก็ต้องชะลอแผนไปก่อน”

                 5. การขาดเครือข่ายพันธมิตรและความร่วมมือทางธุรกิจ วิสาหกิจที่ไม่มีเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งอาจประสบปัญหาในการเข้าถึงวัตถุดิบ เทคโนโลยี หรือช่องทางการตลาดใหม่ ซึ่งจำกัดโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมและการขยายตลาด การขาดความร่วมมือทำให้ธุรกิจต้องแบกรับต้นทุนและความเสี่ยงทั้งหมดเอง ซึ่งอาจทำให้การดำเนินกลยุทธ์ไม่ประสบความสำเร็จ

                6. ความไม่มั่นคงของตลาดและการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงเร็ว แม้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามเน้นการสร้างตลาดใหม่ที่ยังไม่มีคู่แข่ง แต่ตลาดเหล่านี้อาจกลายเป็นตลาดสีแดงได้ในอนาคตเมื่อมีผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาแข่งขัน วิสาหกิจจึงต้องมีการพัฒนานวัตกรรมและปรับตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความได้เปรียบ ผู้บริหารธุรกิจบริการสุขภาพกล่าวว่า “ตอนแรกที่คิดตลาดใหม่มันยังไม่มีใครเลย เราเป็นเจ้าแรก แต่ไม่ถึงปี ก็มีคู่แข่งเข้ามาตีราคาแข่ง จากน้ำเงินกลายเป็นแดงเร็วมาก”

            ผลกระทบต่อรูปแบบธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผลการวิจัย พบว่า

                 1. การสร้างความแตกต่างที่ยั่งยืนในตลาด การประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามช่วยให้วิสาหกิจสร้างความแตกต่างที่ยั่งยืนได้อย่างชัดเจน การสร้างความแตกต่างไม่ได้จำกัดอยู่แค่คุณสมบัติของสินค้า แต่รวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สะดุดตา และการนำเสนอช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ที่สะดวก ผลที่ตามมาคือธุรกิจสามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคาและรักษากำไรที่เหมาะสมได้ในระยะยาว

                2. การขยายตลาดและการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ กลยุทธ์นี้ช่วยให้วิสาหกิจสามารถขยายตลาดออกไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยถูกตอบสนองอย่างเต็มที่ โดยการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่ม (niche market) การขยายตลาดนี้ทำให้ธุรกิจมีโอกาสเพิ่มรายได้และส่วนแบ่งตลาดโดยไม่ต้องแข่งขันโดยตรงกับคู่แข่งเดิม ผู้ประกอบการ SME ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ขายในจังหวัดเดียว พอเอาผลิตภัณฑ์ไปเล่าเรื่องบนออนไลน์ คนจากต่างจังหวัดก็สนใจมากขึ้นจนยอดสั่งซื้อเพิ่มเป็นสองเท่าในสามเดือน”

                 3. การเพิ่มประสิทธิภาพและนวัตกรรมในการดำเนินงาน การนำกลยุทธ์ไปใช้ส่งผลต่อการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานและการสร้างนวัตกรรมภายในองค์การ วิสาหกิจมีการปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจและกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดใหม่ นวัตกรรมที่เกิดขึ้นสามารถเป็นการปรับปรุงวิธีการทำงาน การลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น การใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่มีต้นทุนต่ำแต่คุณภาพสูง หรือการออกแบบบริการที่เน้นความสะดวก ผลลัพธ์คือองค์การสามารถลดต้นทุนการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความยืดหยุ่นในการปรับตัว

                 4. การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและความยั่งยืน กลยุทธ์น่านน้ำสีครามช่วยให้วิสาหกิจสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืนโดยไม่ต้องพึ่งพาการแข่งขันด้านราคาอย่างเดียว การสร้างตลาดใหม่และนวัตกรรมคุณค่าทำให้ธุรกิจสามารถครอบครองตลาดที่ยังไม่มีคู่แข่งเข้ามาแย่งชิง การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนในระยะยาว

                 5. การส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพองค์การ การนำกลยุทธ์ไปใช้กระตุ้นให้วิสาหกิจต้องมีการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพทั้งในด้านบุคลากรและการบริหารจัดการ การเปิดรับนวัตกรรมและการปรับตัวอย่างรวดเร็วทำให้องค์การมีความพร้อมในการเผชิญกับความท้าทายใหม่ เจ้าของโรงงานเครื่องเขียนแปรรูปกล่าวว่า “การลองทำตลาดใหม่ทำให้พนักงานต้องเรียนรู้เรื่อง UX, การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า พวกเขาเก่งขึ้นแบบเห็นได้ชัดภายในครึ่งปี”

                   6. การเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และกำไร การใช้กลยุทธ์ช่วยให้วิสาหกิจสามารถสร้างรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตลาดใหม่และการสร้างคุณค่าใหม่ที่ลูกค้าเห็นคุณค่า การหลีกเลี่ยงการแข่งขันในตลาดเดิมช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียรายได้จากสงครามราคา การสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความแตกต่างยังช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างความภักดีของลูกค้าและการซื้อซ้ำ

                   7. การส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคม มีแนวโน้มที่วิสาหกิจจะนำแนวคิดนี้มาผสมผสานกับแนวคิดความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การผสมผสานนี้ช่วยให้ธุรกิจตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

สรุปผลการวิจัย

               การศึกษาแสดงให้เห็นว่าความสำเร็จของการประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 7 ประการ ได้แก่ (1) ความเข้าใจตลาดและลูกค้าอย่างลึกซึ้ง (2) การมีพันธมิตรที่เข้มแข็ง (3) การสนับสนุนจากผู้บริหารและบุคลากร (4) การใช้เครื่องมือวางแผนกลยุทธ์อย่างเป็นระบบ (5) การสร้างนวัตกรรมคุณค่าและประสบการณ์ที่ดี (6) ความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ และ (7) การมีวิสัยทัศน์และความกล้าเสี่ยงของผู้นำขณะเดียวกัน วิสาหกิจต้องเผชิญกับอุปสรรค 6 ประการ คือ (1) ขาดความรู้ความเข้าใจในกลยุทธ์อย่างลึกซึ้ง (2) ข้อจำกัดด้านทรัพยากรและงบประมาณ (3) ความเสี่ยงจากการทดลองตลาดใหม่ที่ยังไม่แน่นอน (4) การต่อต้านการเปลี่ยนแปลงภายในองค์การ (5) การขาดเครือข่ายพันธมิตร และ (6) ความไม่มั่นคงของตลาดที่อาจกลายเป็นตลาดสีแดงได้รวดเร็ว ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อรูปแบบธุรกิจมีความหลากหลายและลึกซึ้ง ครอบคลุม 10 มิติสำคัญ ได้แก่ การสร้างความแตกต่างที่ยั่งยืน การขยายตลาดและเข้าถึงลูกค้าใหม่ การเพิ่มประสิทธิภาพและนวัตกรรม การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน การส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพองค์การ การสร้างเครือข่ายพันธมิตร การเพิ่มรายได้และกำไร การพัฒนาอย่างยั่งยืน การสร้างแรงจูงใจให้พนักงาน และการสร้างความยืดหยุ่นในการปรับตัว การประยุกต์ใช้รูปแบบเหล่านี้อย่างบูรณาการช่วยให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดเดิม สร้างความแตกต่างที่ยั่งยืน และขยายตลาดใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามต้องอาศัยความมุ่งมั่น การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงจากโมเดลธุรกิจเดิม โดยองค์การจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและความพร้อมในการลงทุนทั้งด้านเวลาและทรัพยากรเพื่อสร้างนวัตกรรมที่แท้จริง

อภิปรายผลการวิจัย

              จากผลการวิจัยที่พบว่าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทยสามารถประยุกต์ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการปรับตัวและความกล้าคิดต่างของผู้ประกอบการไทย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในยุคที่ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สามารถอภิปรายผลได้ดังนี้

              1. การสร้างนวัตกรรมคุณค่าและการสร้างตลาดใหม่ ผลการวิจัยสอดคล้องกับแนวคิดของ Kim และ Mauborgne (2015) ที่เน้นการสร้างนวัตกรรมคุณค่า (Value Innovation) ซึ่งเป็นหัวใจของกลยุทธ์น่านน้ำสีคราม โดย วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยสามารถพัฒนาสินค้าและบริการที่แตกต่างจากคู่แข่งในตลาดเดิม และตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ยังไม่มีใครดูแล การสร้างตลาดใหม่และหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคากับคู่แข่งเดิม ช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มมูลค่าและขยายฐานลูกค้าได้อย่างยั่งยืน ตัวอย่างเช่น การนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ หรือการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการสร้างประสบการณ์ลูกค้า

              2. การใช้เครื่องมือกลยุทธ์และการบริหารจัดการที่เป็นระบบ การนำเครื่องมือวิเคราะห์กลยุทธ์ เช่น SWOT Analysis, Strategy Canvas และ Four Actions Framework (ERRC) มาใช้ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถมองเห็นโอกาสและช่องว่างในตลาดได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งสามารถกำหนดทิศทางการพัฒนาธุรกิจได้อย่างเป็นระบบ การวางแผนกลยุทธ์ที่มีโครงสร้างและการประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจในตลาดใหม่

              3. ปัจจัยเอื้อและอุปสรรคในการดำเนินกลยุทธ์ ผลการวิจัยพบว่าปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จ ได้แก่ ความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง การสนับสนุนจากผู้บริหารและบุคลากร รวมถึงการมีเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้มแข็ง ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ Somsuk & Laosirihongthong (2014) ที่ชี้ให้เห็นว่าการสร้างเครือข่ายและการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างองค์การเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรม ในทางกลับกัน อุปสรรคสำคัญที่ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ไทยเผชิญ ได้แก่ ข้อจำกัดด้านทรัพยากรทั้งในด้านเงินทุน บุคลากร และเทคโนโลยี ความรู้ความเข้าใจในกลยุทธ์น่านน้ำสีครามที่ยังไม่ลึกซึ้ง รวมถึงความเสี่ยงจากการทดลองตลาดใหม่และการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงภายในองค์การ ปัญหาเหล่านี้สอดคล้องกับข้อค้นพบจากงานวิจัยในต่างประเทศที่ระบุว่า SMEs มักขาดโครงสร้างสนับสนุนและขาดความพร้อมในการเปลี่ยนแปลง (Porter, 2008)

              4. บทบาทของวัฒนธรรมองค์การและการเรียนรู้ การสร้างวัฒนธรรมองค์การที่เปิดรับนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการนำกลยุทธ์น่านน้ำสีครามไปใช้จริง การส่งเสริมให้บุคลากรกล้าคิด กล้าทดลอง และยอมรับความล้มเหลวในฐานะบทเรียน จะช่วยให้องค์การสามารถปรับตัวและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้อย่างต่อเนื่องและความเชื่อมโยงกับทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องผลการวิจัยนี้สอดคล้องกับแนวคิดของ Porter (1980) ที่ระบุว่าความสามารถในการสร้างความแตกต่าง (Differentiation) และการลดการแข่งขันโดยตรงเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับแนวคิดเรื่องนวัตกรรมแบบเปิด (Open Innovation) ที่เน้นการเชื่อมโยงเครือข่ายและการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ  

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและการปฏิบัติ

               เพื่อให้การดำเนินกลยุทธ์น่านน้ำสีครามประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ผู้วิจัยเสนอแนะแนวทางดังนี้

            ข้อเสนอแนะสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

            1. ผู้บริหารและบุคลากรควรเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับหลักการและเครื่องมือของกลยุทธ์น่านน้ำสีครามอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

               2. ควรสร้างเครือข่ายพันธมิตรและส่งเสริมความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งผู้จัดหาวัตถุดิบ ผู้ให้บริการเทคโนโลยี และผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็น

            3. ควรมีการวางแผนและประเมินความเสี่ยงโดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์อย่างรอบคอบก่อนเข้าสู่ตลาดใหม่ มีการทดสอบตลาดในวงจำกัดก่อนขยายเต็มรูปแบบ และเตรียมแผนสำรองสำหรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

               4. ควรสร้างวัฒนธรรมองค์การ  โดยพัฒนาวัฒนธรรมองค์การที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์ และให้ความสำคัญกับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โดยผู้บริหารต้องเป็นแบบอย่างและให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

            ข้อเสนอแนะสำหรับหน่วยงานภาครัฐและสถาบันสนับสนุน:

            1. ควรพัฒนาและจัดหลักสูตรอบรมเกี่ยวกับกลยุทธ์น่านน้ำสีครามที่เหมาะสมกับบริบทของวิสาหกิจไทย พร้อมกรณีศึกษาที่เป็นรูปธรรม

               2. ควรมีการสนับสนุนทางการเงิน  จัดสรรแหล่งทุนหรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับวิสาหกิจที่ต้องการพัฒนานวัตกรรมและเข้าสู่ตลาดใหม่ เพื่อลดข้อจำกัดด้านทรัพยากร

            3. ควรส่งเสริมเครือข่ายและความร่วมมือ  จัดตั้งศูนย์กลางหรือแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ ทั้งในและต่างประเทศ

               4. ควรให้คำปรึกษาและติดตามผล  จัดทีมที่ปรึกษาเพื่อให้คำแนะนำและติดตามความก้าวหน้าของวิสาหกิจที่นำกลยุทธ์ไปใช้ เพื่อให้การสนับสนุนที่ตรงจุดและทันท่วงที

ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป

              1. ควรขยายการวิจัยไปยังอุตสาหกรรมทุกประเภทเพื่อเปรียบเทียบและวิเคราะห์ความแตกต่างในการประยุกต์ใช้กลยุทธ์ Blue Ocean

              2. ควรมีการศึกษาด้วยวิธีการวิจัยเชิงปริมาณเพื่อวัดผลกระทบของกลยุทธ์น่านน้ำสีครามต่อผลประกอบการของธุรกิจ วัดผลลัพธ์ทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมหลังการนำกลยุทธ์ไปใช้     

เอกสารอ้างอิง 

อังคาร คะชาวังศรี และ อรรถพร พฤทธิพงษ์. (2020). กลยุทธ์แบบน่านน้ำสีครามเพื่อสร้างความแตกต่างที่ยั่งยืนของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแบบดั้งเดิมในจังหวัดนครนายกของประเทศไทย. Journal of Business, Innovation and Sustainability, 15(3), 50-69.

อังคาร คะชาวังศรีและอรรถพร พฤทธิพงษ์. (2563).  กลยุทธ์แบบน่านน้ำสีครามเพื่อสร้างความแตกต่างที่ยั่งยืนของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแบบดั้งเดิมในจังหวัดนครนายกของประเทศไทย.  Journal of Business, Innovation and Sustainability (JBIS).15(3),50-69.

ศรัณย์ เปรมสุข และคณะ, (2566). การประยุกต์ใช้การประเมินเชิงพัฒนาร่วมกับเทคนิคกำหนดกลยุทธ์น่านน้ำสีครามเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารเชิงกลยุทธ์. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. 25(4),362-372.

สุขศรี น. ห. (2022). กลยุทธ์น่านสีคราม (Blue Ocean Strategy). วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (Journal of Humanities and Social Sciences, SRU), 1(2), 141–148.

Kim, C. W. and Mauborgne, R. 2005. Blue ocean strategy: How to create uncontested market space and make the competition irrelevant. Boston, MA: Harvard Business School Press.

Kim, C. W., & Mauborgne, R. (2004). Blue ocean strategy. Harvard Business Review, 76-84.

Premsuk, S., Kornpuang, A., Buosonte, R., & Prachanban, P. (2023). Applying developmental evaluation with technique of blue ocean strategy for increasing efficiency of strategic management. Journal of Education and Innovation, 25(4), 362–372.

 Way Maker. (2025). Blue Ocean Strategy คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับการทำธุรกิจ. Digital Marketing. https://www.waymaker.co.th/post/blue-ocean-strategy

ข่าวสาร

สมัครเรียนปริญญาโท สมัครเรียนปริญญาเอก มหาวิทยาลัยเกริก
สมัครเรียนปริญญาโท สมัครเรียนปริญญาเอก สาขาการจัดการองค์การยุคใหม่ M.O.M สาขาการบริหารการค้าและการเมือง อย่างยั่งยืนในโลกยุคใหม่ TPS หลักสูตรได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(สปอว.) เป็นไปตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา (Thai Qualification Framework: TQF)